ตัวอย่างดอกไม้เมืองหนาว (:
ปักษาสวรรค์
ชื่อสามัญ :Bird of paradise
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strelitzia reginae.
ตระกูล : MUSACEAE
ถิ่นกำเนิด : อัฟริกาใต้
ลักษณะทั่วไป
ปักษาสวรรค์เป็นพืชที่มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะดอกของมันดูแล้วคล้ายกับนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้าปักษาสวรรค์นี้เราจะปลูกไว้เพื่อชมดอกของมันโดยเฉพาะ ใบมีสีเขียวเข้ม ลักษณะรูปใข่ แต่ตอนปลายใบจะเรียวแหลมคล้ายกับหอก ใบยาวประมาณ 12-16 นิ้ว ตั้งอยู่บนก้านใบที่แข็งแรงยาวประมาณ 17-18 นิ้ว ปักษาสวรรค์จะเริ่มให้ดอกเมื่ออายุประมาณ 6 ปี นิยมปลูกเป็นกลุ่มตามสนามเพื่อให้ออกดอก ก่อให้เกิดความสดชื่นแก่ผู้พบเห็น
ดอกดาวเรือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tagetes erecta Linn.
วงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสามัญ : African marigold
ชื่ออื่น ๆ : คำปู้จู้หลวง (ภาคเหนือ)
ลักษณะทั่วไป
ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นทรงพุ่มข้อนข้างทนทาน ลำต้นสูงประมาณ ๓-๔ ฟุต ส่วนพรรณไม้ปลีกย่อยนั้นจะสูงประมษณ ๑-๓ ฟุต
ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นทรงพุ่มข้อนข้างทนทาน ลำต้นสูงประมาณ ๓-๔ ฟุต ส่วนพรรณไม้ปลีกย่อยนั้นจะสูงประมษณ ๑-๓ ฟุต
ใบ : ลักษณะใบเป็นฝอยเหมือนดาวกระจาย มีสีเขียว ใบเป็นรูปหอก ปลายแหลลมออกเรียงกันเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกัน ใบดก
ดอก : ดาวเรืองนี้แบ่งออกเป็นพรรณย่อยอยู่หลายพรรณ ซึ่งในแต่ละพรรณนั้นจะมีลักษณะของดอกที่ต่างกันมีทั้งกลีบซ้อนและไม่ซ้อน และสีก็มีหลายสีเช่น เหลือง ส้ม ขาวนวล เหลืองแต้มแดง แสด ดาวเรืองเป็นดาวเดี่ยว รูปทรงดอกเป็นวงกลมดอกจะดก เวลาออกดอกจะเหลืองเต็มต้นดูสวยงาม
การขยายพันธุ์ : เป็นไม้กลางแจ้ง ที่ชอบแสงแดด ปลูกง่ายทนกับดินทุกสภาพไม่ต้องรดน้ำบ่อยนัก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ประโยชน์ : ใบ เป็นยาเย็น ใช้ทาแผลเนาเปี่อย ฝีต่าง ๆ น้ำคั้นจาใบ้ใช้หยอด แก้เจ็บหู ดอก แก้ริดสีดวงทวาร เป็นยาฟอกเลือด ขับลม ละลายเสมหะ ไอ หลมดลมอักเสบ ปรุงกับตับไก่เป็นยาบำรุงสายตา ดอกแห้งบดเป็นผงผสมกับอาหารไก่ ช่วยให้ไข่แดงสีเข้มขึ้น ดอกสดเป็นอาหาร และทำดอกไม้ประดิษฐ์
อื่น ๆ : มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเม็กซิโก
ดอกหน้าวัว
ชื่อสามัญ : Anthurium
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anthurium andraeanum
ตระกูล : Araceae (arum)
ถิ่นกำเนิด : โคลัมเบีย
ลักษณะทั่วไป
หน้าวัวเป็นไม้พุ่มเตี้ยใช้ปลูกคลุมดิน มีอายุหลายปี เติบโตเป็นต้นเดี่ยวหรือแตกกอลำต้นสั้นหรือยืดยาว คล้ายไม้เลื้อยและทิ้งใบช่วงล่างของต้นพร้อมทั้งเกิดรากใหม่ที่บริเวณ เป็นไม้ตัดดอกที่มีรูปร่างแปลกตา สีสันสดสวย ออกดอกได้ตลอดปี ใบของหน้าวัวมีแตกต่างกันไปหลายแบบ เช่น รูปหัวใจ รูปใบหอก รูปสามเหลี่ยม หรือใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบแตกออกจากลำต้นเรียงเวียนสลับกัน ขนาดและสีต่างกันไปตามชนิดและพันธุ์ดอกของหน้าวัวเกิดจากตาดอกที่ซอกของใบ ปกติตาดอก และ ใบอ่อนจะเกิดพร้อมกัน แต่ตาดอกจะพัฒนาขึ้นมาหลังจากใบแก่สมบูรณ์แล้ว ดังนั้นต้นที่โตเร็วจึงมักจะให้ดอกดก ดอกหน้าวัวมีสวนประกอบด้วยช่อดอกที่เรียกว่า ปลี ซึ่งอาจมีสีขาวเหลือง หรือขาวปลายสีเหลือง และจานลองดอกหรือที่เรียกว่า ดอก นั่นเอง จานลองดอกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ใบประดับ มีลักษณะคล้ายใบติด ที่โคนปลีหน้าวัวสีของจานรองดอกมีหลากสี เช่น ขาว เขียว ชมพู ส้ม แดง ม่วง หรือมีหลายสีปนกัน อาจเรียบหรือย่นเป็นร่องชึ่งมีคำเรียกเฉพาะว่า ร่องน้ำตา ซึ่งอาจตื้นลึกต่างกันไปตามพันธุ์
ดอกรักเ้ร่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Dahlia spp.
ชื่อวงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสามัญ : Dahlia
ชื่ออื่นๆ : รักเร่
ลักษณะทั่วไป
รักเร่เป็นไม้ดอกอีกชนิดหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้ไม้ดอกชนิดอื่น สวยทั้งรูปทรงของดอกและมีสีสรรสวยสะดุดตามาก ก้านดอกแข็งแรงทนทาน ในต่างประเทศนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก แต่ ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกกันมากนักอัน เนื่องมากจากชื่อที่ไม่เป็นมงคลนั้นเอง รักเร่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก ที่ได้ชื่อว่า Dahlia นี้ก็เพื่อให้เป็นเกียรติแก่ Dr. Andreas Dahl ชาวสวีเดน
ดอกขมิ้นต้น
ชื่อท้องถิ่น : ขมิ้นต้น
ชื่อสามัญ : ขมิ้นต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mahoniasiamensis Takeda
ชื่อวงศ์ : BERBERIDACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท : ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้พุ่ม หรือต้น ขนาดเล็ก สูง 2 - 5 ม. เปลือกนอก สีน้ำตาลเป็นค็อกหนา แตกป็นร่องลึก เปลือกในสีเหลือง เรือนยอด เป็นกลุ่มใบดกหนา เฉพาะส่วนยอดไม่เป็นระเบียบ
ตัวอย่างดอกไม้เขตร้อน :)
ปทุมมา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Siam Tulip
ชื่อวงศ์ : Zingiberaceae
ชื่อสามัญ : Curcuma
ชื่ออื่นๆ : ดอกปทุมมา
ถิ่นกำเนิด : ประเทศอินโดจีน พม่า และไทย
การขยายพันธุ์ : แยกลำ, แยกหน่อ
ลักษณะทั่วไป
ปทุมมา เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่มีลำต้นสะสมอาหารอยู่ใต้ดินแบบเหง้า มีการเจริญเติบโตทางลำต้นและให้ดอกในช่วงฤดูฝนราวเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน จากนั้นจะทิ้งใบจนหมดแล้วพักตัวอยู่ในดินตลอดช่วงฤดูหนาวราวเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อถึงฤดูฝนก็จะเจริญเติบโตออกดอกอีกครั้ง ดอกปทุมมามีรูปทรงสง่าและมีสีสันสวยงาม เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น จนได้รับการส่งเสริมให้เป็นไม้ตัดดอกและเก็บหัวพันธุ์เพื่อส่งไปขายยังต่างประเทศ เป็นที่ประทับใจและชื่นชอบของชาวต่างประเทศจนได้สมญาว่า สยามทิวลิป (Siam Tulip)
ปทุมมา จัดเป็นพืชในวงศ์ Zingiberaceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับขิงและข่า อยู่ในสกุล Curcuma มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบประเทศอินโดจีน พม่า และไทย สำหรับในประเทศไทยจะพบเห็นปทุมมาได้แทบทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีความหลากหลายของสายพันธุ์มากที่สุด ไม้ในสกุลนี้แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
กลุ่มปทุมมา พบได้ทั่วไปในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามเขตชายแดนไทย-ลาว และตามเขตชายแดนไทย-เขมร ส่วนใหญ่มักพบอยู่ตามทุ่งหญ้าที่โล่งแจ้งบริเวณชายป่าเบญจพรรณหรือบริเวณชั้นล่างของป่าเต็งรัง ลักษณะช่อดอกในกลุ่มปทุมมาจะแทงช่อดอกออกมาจากส่วนกลางของลำต้นเทียม ก้านช่อดอกยาวตรง ดอกจริงมีสีม่วงหรือสีม่วงอ่อน ไม้ในกลุ่มนี้มีหลายชนิดที่สามารถนำมาผลิตเป็นไม้ตัดดอก ไม้กระถาง และไม้ประดับแปลง เช่น ปทุมมา บัวสวรรค์ บัวลายปราจีน บัวลายลาว เทพรำลึก ทับทิมสยาม ช่อมรกต และปทุมรัตน์ เป็นต้น
กลุ่มกระเจียว กลุ่มนี้มีอยู่หลายชนิดพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ชนิดที่พบขึ้นในที่โล่งแจ้งมักจะมีลักษณะใบหนา มีขนมาก ส่วนพวกที่พบขึ้นในป่าชื้นมักจะมีลักษณะใบบาง ลักษณะของช่อดอกจะเป็นทรงกระบอก อาจแทงช่อดอกขึ้นมาจากเหง้าโดยตรงหรือออกจากทางด้านข้างของลำต้นเทียม ดอกจริงมีสีขาวหรือเหลือง หลายชนิดในกลุ่มนี้สามารถผลิตเป็นไม้ตัดดอก ไม้กระถางได้เช่นกัน ที่สำคัญได้แก่ บัวชั้น กระเจียวส้ม พลอยไพลิน พลอยทักษิณ และพลอยชมพู เป็นต้น
บอนสี
ชื่อวิทยาศาสตร์: Caladium bicolor Vent.
ชื่อวงศ์: ARACEAE
ชื่อสามัญ: Fancy Leaved Caladium, Heart of Jesus
ชื่อท้องถิ่น: บอนฝรั่ง
ลักษณะวิสัย: ไม้พุ่ม
ลักษณะทั่วไป |
หัว - มีลักษณะคล้ายหัวมันฝรั่งหรือหัวเผือก มีรากฝอยขนาดเล็กแตกรอบๆ หัว และที่ใกล้ๆ กับหัวราก หรือระหว่างรากจะมีหน่อเล็ก ๆหรือที่เรียกกันว่า เขี้ยว ซึ่งสามารถงอกออกเป็นบอนต้นใหม่ได้ ใบ - บอนสีมีมาแต่โบราณมีรูปร่างคล้ายหัวใจ หูใบยาวแต่ไม่ฉีกถึงสะดือ ก้านใบอยู่กิ่งก้านใบ ปลายใบแหลมหรือมนขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ บอนไทย ใบมักมีใบขนาดใหญ่สีสันสวยงามและใบดกไม่ทิ้งใบ กาบ - คือส่วนที่ต่อจากหัวบอนกาบเป็นส่วนโคนของก้านใบ แต่ไม่กลมเหมือน ก้านใบคือมีลักษณะเป็นกาบ คล้ายกาบใบผักกาด ก้านใบ - คือส่วนที่ต่อจากกาบใบขึ้นไปยังใบบอนที่กาบและก้าน ใบนี้จะมีลักษณะ ของสีแตกต่างไปจากสีของกาบใบอย่างเห็นได้ชัด สะโพก - คือส่วนด้านข้างของใบทั้งสองข้าง อยู่บริเวณเหนือหูใบหรือแนวตรงกับ สะดือใบ มีลักษณะเว้าคอดลงจะเห็นได้ชัดในบอนใบไทย ประโยชน์ -ปลูกเป็นไม้ประดับสวยงาม ที่มีความสวยงามโดยเฉพาะใบที่มีรูปทรง และ สีสันสวยงามแปลกตาจนได้ชื่อว่า "ราชินีแห่งใบไม้" การขยายพันธุ์- การแยกหน่อ การผ่าหัวบอน การเพาะเมล็ด การกระจายพันธุ์- ประเทศไทยพบขึ้นทั่วไป |
ตะบองเพชร
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cereus hexagonus L. Mill. |
ชื่อวงศ์: CACTACEAE |
ชื่อสามัญ: Torch Thiste |
ชื่อท้องถิ่น: ตะบองเพชร, ปะทำมังหลวง, เขียะ ลักษณะทั่วไป |
ไม้อวบน้ำทนแล้งเกือบทั้งหมดที่เป็นพืช มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเขตร้อนที่ปรับเปลี่ยน ลำต้นให้อวบน้ำ และ เปลี่ยนใบเป็นหนาม สามารถเจริญเติบโตได้ในแนบไม้ต้น ไม้เลื้อยหรือพืชอิงอาศัย ลำต้นมีความสูงประมาณ 3 เมตร ดอกเด่นสะดุดตา มีกลีบจำนวนมาก เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ รู้จักกันดีในชื่ แคคตัส หรือ กระบองเพชร |
ประโยชน์ นิยมปลูกเป็นไม้กระถางกลางแจ้ง |
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด แยกหน่อ |
ทานตะวัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Helianthus annuus
ชื่อวงศ์ : COMPOSITAE
ชื่อสามัญ : Common Sunflower
ชื่ออื่นๆ : ทานตะวัน
ถิ่นกำเนิด : อเมริกาตะวันตก
ลักษณะทั่วไป
ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ที่อายุเพียง 1 ปี ลักษณะของลำต้นเป็นแกนแข็ง ตั้งตรง มีขนขึ้น
เป็นกลายแข็ง ลำต้นมีความสูงประมาณ 3-3.5 เมตร
ใบ : ใบมีลักษณะเป็นรูปกลมรี โคนใบโค้งเว้าเป็นรูปหัวใจ ส่วนปลายใบแหลม
ริมขอบใบหยักย่อยเป็นแบบฟันปลา บริเวณหลังและใต้ท้องใบ มีขนสากขึ้นประปราย
ใบมีขนาดยาวประมาณ 4-12 นิ้ว กว้างประมาณ 3.5-10 นิ้ว ก้านใบยาว
ดอก : ดอกออกเป็นช่อ หรือเป็นกระจุก ขนาดใหญ่จะออกบริเวณยอด หรือรอบ ๆ ลำต้น
ลักษณะของดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ตรงกลางดอกเป็นเกสรตัวเมีย 1 อัน แล เกสร
ตัวผู้ 5 อัน กลีบดอกวงในมีสีเหลือง ส่วนกลีบดอกวงนอกมีสีเหลืองอ่อน หรือเหลืองทอง
มีขนาดยาวประมาณ 1-4 นิ้ว ฐานดอกมีสีเขียวเชื่อมติดกัน
ผล : มีลักษณะเป็นรูปกลมรี มีสีขาว สีเทา หรือสีดำ ขนาดยาวประมาณ 6-17 มม.
ภายใน ผลมีเมล็ด เพียง 1 เมล็ดเป็นสีเหลืองอ่อน
การขยายพันธุ์ : ทานตะวันเป็นพรรณไม้ที่นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับ
มีการขยายพันธุ์ด้วยการใช้เมล็ด เพาะ
ส่วนที่ใช้ : ดอก ฐานรองดอก แกนลำต้น ใบ เมล็ด เปลือกเมล็ด และราก
บานไม่รู้โรย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Comphrena globosa
วงศ์ : Amaranthaceae
ชื่อสามัญ : Gomphrena , Globe Amaranth
ชื่ออื่น ๆ : บานไม่รู้โรย
ลักษณะทั่วไป
บานไม่รู้โรยเป็นไม้ดอกที่คนไทยรู้จักกันมานาน เพราะประโยชน์ใช้สอยมีมากมาย สามารถใช้ได้ทั้งงานมงคลจนกระทั่งงานศพ บานไม่รู้โรยเป็นไม้ดอกที่ปลูกง่ายเลี้ยงง่ายมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป และอเมริกา ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ